วิตามินซี (Vitamin C) : มีประโยชน์กับใครบ้าง ? ช่วยเรื่องสุขภาพผิวจริงหรือไม่ ?

วิตามินซี (Vitamin C) : มีประโยชน์กับใครบ้าง ? ช่วยเรื่องสุขภาพผิวจริงหรือไม่ ?
User Rating 0 (0 votes)
Sending
0 (0 reviews)

วิตามินซี (Vitamin C, Ascorbic acid)

วิตามินซี


Overview

วิตามินซีเป็นวิตามินละลายในน้ำชนิดหนึ่ง ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ พบมากในผักผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้รสเปรี้ยว ผักผลไม้สดเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดีที่สุด โดยหากวิตามินซีโดนแดด หรือ สัมผัสอากาศนานๆจะสลายตัวได้ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรทานผักผลไม้สดๆมากกว่าน้ำผลไม้บรรจุกล่อง


Benefits

วิตามินซีช่วยอย่างไร ?

วิตามินซีช่วยในกระบวนการต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินซีมีส่วนสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่จะช่วยในเรื่องการอักเสบ ต่อต้านเชื้อโรค หรือ เซลล์ที่ผิดปกติต่างๆ


วิตามินซี & โรคต่างๆ

วิตามินซี มีประโยชน์ในโรคต่างๆต่อไปนี้

  • โรคขาดวิตามินซี เช่น ปากนกกระจอก โดยผู้ที่อาจมีภาวะขาดวิตามินซี เช่น
    • ผู้ที่ม่ค่อยได้กินผักผลไม้ 
    • ผู้ที่สูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่ทำให้ปริมาณวิตาิมินซีในเลือดลดลงได้
  • หวัด โดยพบว่าวิตามินซีขนาดสูงสามารถช่วยให้เป็นหวัดสั้นลงประมาณ 1-1.5 วัน แต่ไม่สามารถป้องกันโรคหวัดได้ งานวิจัยพบว่ากินวิตามินซีอย่างน้อย 200 mg อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน สามารถลดระยะเวลาเป็นหวัดให้สั้นลงได้ในผู้ใหญ่ 8% และ ในเด็ก 14%
  • ผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากวิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
  • จอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (Age-related Macular Degeneration) การศึกษาพบว่ากินวิตามินซี ร่วมกับ ธาตุสังกะสี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน สามารถชะลอจอประสาทตาเสื่อมในผู้ที่เป็นแบบรุนแรงได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลในผู้ที่ยังไม่เป็น หรือ เป็นแบบไม่รุนแรง

Safety

โดยทั่วไปวิตามินซีสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย วิตามินซีเป็นวิตามินละลายในน้ำ ขับออกได้ทางปัสสาวะ แต่ไม่แนะนำให้กินเกิน 2000 mg (2 กรัม) อย่างต่อเนื่อง เพราะอาจเสี่ยงต่อโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะ คลื่นไส้ หรือ ท้องเสียมากขึ้นครับ

ผู้ที่ควรระวังในการใช้วิตามินซี

  • ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด สวนหลอดเลือด สวนหัวใจ ช่วงก่อนหรือหลังผ่าตัดหรือทำหัตถการทางการแพทย์ หลีกเลี่ยงการใช้วิตามินซี หรือ สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • เบาหวาน วิตามินซีอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน นอกจากนี้การกินวิตามินซีเกิน 300 mg ต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจในผู้หญิงที่เป็นเบาหวาน ดังนั้นหลีกเลี่ยงการกินวิตามินซีเกินปริมาณที่พบในวิตามินรวมทั่วไป
  • นิ่วทางเดินปัสสาวะ ผู้ที่เป็น หรือมีประวัติเป็น ควรหลีกเลี่ยงการกินวิตามินเกินขนาดที่พบในวิตามินรวมทั่วไป เนื่องจากหากกินขนาดสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นนิ่วซ้ำได้
  • โรคเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เช่น G-6PD, Sickle Cell Anemia การกินวิตามินซีอาจทำให้มีโอกาสเกิดเม็ดเลือดแดงแตกได้มากขึ้น ดังนั้นหลีกเลี่ยงการกินวิตามินซีขนาดสูง
  • โรคธาลัสซีเมีย วิตามินซีอาจทำให้ดูดซึมเหล็กได้มากขึ้น ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้หากมีปริมาณเหล็กสะสมมากอยู่แล้ว อาจเป็นอันตรายได้ หลีกเลี่ยงการกินวิตามินซีขนาดสูง
  • ผู้ที่รับประทานยาเช่น ยาคุม, ยาไขมันกลุ่ม statin, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด Warfarin, ยาต้านไวรัส HIV, ยาเคมีรักษามะเร็ง วิตามินซีอาจมีผลต่อยาเหล่านี้ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ขนาดสูง หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

How To Choose / Use

ขนาดวิตามินซีที่ใช้

  • โรคปากนกกระจอก ใช้ 100-250 mg ต่อวัน
  • ป้องกันหวัด ใช้ 1-2 g ต่อวัน

บทความที่เกี่ยวข้อง


 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

Sending