ผมร่วง
Overview
ผมร่วง เยอะเท่าไหร่ จึงจะเรียกว่าผิดปกติ ?
ผมร่วงที่ถือว่าผิดปกติ มีดังนี้ครับ
- ผมร่วงเกิน 100 เส้นต่อวัน
- ผมบางลง เห็นหนังศีรษะ
- ใช้นิ้วหยิบผมออกมาเบาๆหย่อมหนึ่ง โดยจับตั้งแต่โคนผม ถ้าร่วงเกิน 10% ของที่หยิบออกมา ถือว่าผิดปกติ เช่น หยิบผมออกมา 50 เส้น ถ้ามีหลุดร่วงติดมือมาเกิน 5 เส้น ถือว่าผิดปกติครับ
ผมร่วงเกิดจากอะไรได้บ้าง ?
1. พันธุกรรมและฮอร์โมน (Androgenic alopecia) พบบ่อยที่สุด เกิดจากฮอร์โมนเพศชาย DHT กระตุ้นให้เซลล์รากผมแก่ตาย เช่น
- หัวล้านแบบต่างๆที่พบในเพศชาย
- ผมบางในเพศหญิง โดยมักเป็นบริเวณกลางกระหม่อม
มักไม่หายเอง ยาที่มักใช้ คือ
- Minoxidil เป็นยาทาหนังศีรษะ ใช้ในผู้หญิงจะได้ผลดีกว่าในผู้ชาย
- Finasteride ใช้เฉพาะเพศชาย เพราะอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ ผลข้างเคียง เช่น ความรู้สึกทางเพศลดลง อวัยวะเพศไม่แข็งตัว
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยานะครับ
2. ผมเปลี่ยนเป็นระยะพัก (Telogen effluvium) และหลุดร่วง โดยมักพบว่าผมร่วงมากขึ้น หรือ ผมบางลงทั่วๆศีรษะ เป็นการตอบสนองของเซลล์รากผมต่อสิ่งต่างๆ เช่น
- ความเครียดทางจิตใจ
- ความเครียดทางร่างกาย เช่น หลังผ่าตัด หลังป่วยหนัก มีไข้ อดอาหาร หรือลดน้ำหนักเร็วเกินไป ขาดธาตุเหล็ก ขาดสารอาหาร
- ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น หลังคลอดบุตร หรือ การตั้งครรภ์ โรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS) ที่ทำให้ฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้น (อาการ คือ ประจำเดือนไม่ค่อยมา ขนดก สิวมาก)
- โรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคไทรอยด์ โรคภูมิคุ้มกัน SLE โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง
- โรคผิวหนัง เช่น สะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบ
- ยา เช่น ยาคุมกำเนิด ยาลดความดัน ยาโรคหัวใจ ยาลดกรดยูริค ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาโรคซึมเศร้า ยาวิตามินเอ ยาเคมีบำบัดมะเร็ง
มักดีขึ้นเองภายในเวลา 6 เดือน หากรักษาต้นเหตุแล้ว
3. โรคผมร่วงเฉพาะจุด (Alopecia areata) เป็นโรคภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่ง โดยภูมิคุ้มกันของเรามาทำลายเซลล์รากผมของเราเอง โดยผมมักร่วงเป็นวง หรือ เฉพาะจุด
ส่วนใหญ่มักดีขึ้นเองในเวลา 1 ปี มีน้อยกว่า 10% ที่เป็นมากขึ้น
4. โรคอื่นๆ พบไม่บ่อย เช่น
- เชื้อราผิวหนัง
- โรคซิฟิลิส
- โรคลูปัส
การรักษาผมร่วง ควรทำอย่างไรบ้าง ?
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของผมร่วง
- การบำรุงเส้นผมที่ทำได้ด้วยตัวเองก็มีส่วนสำคัญนะครับ อย่าลืมทำตามคำแนะนำ My Action ด้านล่าง ทำง่ายๆเลยครับ ลองไปอ่านดูครับ
- หากเป็นผมร่วงแบบ พันธุกรรมและฮอร์โมน ที่พบได้บ่อยที่สุด ยาที่ใช้ที่รับรองโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) มี 2 ตัว คือ
- Minoxidil เป็นยาทาหนังศีรษะ มีแบบ 2% และ 5% ใช้ได้ผลดีในเพศหญิง โดยยาที่เข้มข้นกว่าผลการรักษาจะดีกว่า แต่อาจระคายเคือง หรือ มีขนงอกบริเวณหน้าผากได้มากกว่า
- Finasteride มีหลายยี่ห้อ เช่น Proscar, Propecia ใช้เฉพาะเพศชาย เพราะ ใช้ไม่ได้ผลในเพศหญิง และอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ ผลข้างเคียงพบได้น้อย คือประมาณ 9% อาจมีความรู้สึกทางเพศลดลง หรือ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว
อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาต่างๆนะครับ
- การรักษาทางเลือก เช่น ฝังเข็มศาสตร์จีน เชื่อว่าเป็นการกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนดีขึ้นบริเวณหนังศีรษะ และ รากผมครับ
- การปลูกถ่ายรากผม โดยนำรากผมจากบริเวณอื่นที่มีผม มาปลูกบริเวณที่ผมร่วงไปครับ โดยทั่วไปก็จะตัดหนังศีรษะที่มีผมบริเวณท้ายทอยออกมา เย็บปิดบริเวณนั้น แล้วนำรากผมที่ได้มาปลูกทีละเส้นบริเวณที่ต้องการ การผ่าตัดอาจใช้เวลา 4-8 ชั่วโมง ขึ้นกับปลูกบริเวณกว้างแค่ไหนครับ
My Action
- กินอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน และ วิตามินที่เพียงพอ
- สารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการงอกของเส้นผม คือ
- โปรตีน เช่นพบใน ไข่ เนื้อสัตว์
- ธาตุเหล็ก (Iron) เช่นพบใน ไข่ ตับ ผักใบเขียว นมถั่วเหลือง
- กรดโฟลิค (Folic acid) เช่นพบใน ผักใบเขียว
- สังกะสี (Zinc) เช่นพบใน เนื้อวัว ปู หอยนางรม ซีเรียล
- ไบโอติน (Biotin) เช่นพบใน ไข่
- วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยป้องกันผมขาด เช่นพบใน ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม
- วิตามินบี 5 (Vitamin B5) เช่นพบใน กรีกโยเกิร์ต
- โอเมกา 3 (Omega-3 fatty acid) เช่นพบใน ปลาทะเลน้ำลึก ปลาแซลมอน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ออกกำลังที่หนักเกินไป
- นอนพักผ่อนเพียงพอ ปิดไฟสนิท เป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง ทำให้โกรทฮอร์โมนหลั่งได้ดี ช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย รวมทั้งผิวหนังและรากผม
- หลีกเลี่ยงการมัดผมที่แน่นเกินไป
- หลีกเลี่ยงการย้อม ยืด ดัด หรือ เป่าผมด้วยความร้อน
- หลีกเลี่ยงหวีผมขณะผมเปียก เนื่องจากทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย
ก่อนอื่นลองดูแลรักษาเส้นผมง่ายๆตาม My Action ที่แนะนำไปนะครับ นอกจากนี้ถ้ายังไม่ดีขึ้นลองไปปรึกษาคุณหมอดูครับ จากประสบการณ์ ถ้าเป็นไม่มากในผู้หญิง ส่วนใหญ่ได้พวกโฟลิค ธาตุเหล็ก และวิตามินรวมมาทาน ควบคู่ไปกับทายาที่หนังศีรษะ Minoxidil (ทาแล้วอาจมีขนอ่อนๆขึ้นที่ไรผมด้วยนะครับ) หรือลองไปฝังเข็มศาสตร์จีนก็ช่วยได้ครับ อาการก็ดีขึ้นฮะ ทั้งนี้คุณหมอบอกว่าขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของแต่ละคนด้วยนะครับ ใครได้ลองวิธีอะไรมาบ้าง เล่าให้กันฟังบ้างนะครับ
สุดท้ายนี้ ขออวยพรให้ ‘ผม’อยู่กับคุณตลอดไป นะครับ :)
References:
- ภาพจาก svenson.es
http://www.svenson.es/todo-sobre-el-pelo/caida-del-cabello/escalas-de-alopecia/ - ภาพจาก welcomecure.com
https://www.welcomecure.com/diseases/alopecia-areata-hair-loss/overview