โครเมียม (Chromium, Chromium Picolinate)

Overview

โครเมียม เป็นแร่ธาตุที่พบในร่างกายปริมาณน้อย แต่จำเป็นต่อร่างกาย โดยมีส่วนช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน โครเมียมพบในอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ชีส ธัญพืชไม่ขัดสี เครื่องเทศ มัน ผัก และ ผลไม้สด

Benefits

โครเมียม & โรคต่างๆ

โครเมียมอาจมีประโยชน์ต่อโรคต่างๆดังนี้

• เบาหวาน พบว่าโครเมียมพิโคลิเนต สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับอินซูลิน และ ช่วยให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังอาจช่วยลดผลข้างเคียงในเรื่องน้ำหนักเพิ่มขึ้นและไขมันสะสมของยาเบาหวานชนิดซัลโฟนิลยูเรีย Sulfonylureas (เช่น ยา Glipizide) อีกด้วย
• ไขมันโลหิตสูง บางงานวิจัยพบว่าการบริโภคโครเมียม 15-200 mg เป็นเวลา 1 เดือนครึ่ง ถึง 3 เดือน สามารถลดไขมัน LDL และหากบริโภคเป็นเวลา 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป สามารถลดไขมันLDL ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ และ เพิ่มปริมาณไขมันชนิดดี (HDL) ได้

Safety

• การบริโภคโครเมียมในผู้ใหญ่โดยทั่วไปปลอดภัย หากบริโภคไม่เกิน 1000 mcg ต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน
• ผลข้างเคียงที่พบในบางราย เช่น ระคายเคืองผิวหนัง ปวดเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อารมณ์แปรปรวน และ ความสามารถในการคิดและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงไป
• การบริโภคขนาดสูงเกิน อาจทำให้มีผลต่อตับ ไต เลือด อย่างไรก็ตามไม่มีการรายงานอย่างแน่ชัดว่าอาการเหล่านี้เกิดจากโครเมียมหรือไม่

อาจต้องระมัดระวังการใช้ในกรณีต่อไปนี้

• ผู้ป่วยเบาหวาน โครเมียมอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้ โดยเฉพาะหากทานยาเบาหวานอยู่ อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ควรตรวจติดตามระดับน้ำตาลบ่อยๆ และ ปรึกษาแพทย์ในการปรับยา
• ผู้ป่วยโรคไตและตับ ไม่ควรรับประทานอาหารเสริมโครเมียม
• ผู้ที่แพ้โครเมียม โครเมต หรือ หนัง อาจมีการระคายเคือง อาการแพ้ หรือผื่นแพ้เช่น ผิวหนังบวม หรือ ลอกได้
• ผู้ป่วยโรควิตกกังวล ซึมเศร้า หรือ จิตเภท ควรระมัดระวังการใช้ เนื่องจากโครเมียมอาจมีผลต่อสารเคมีในระบบประสาท อาจทำให้อารมณ์แปรปรวนได้
• ผู้ป่วยไทรอยด์ต่ำ (ไทรอยด์ไม่เป็นพิษ) ที่รับประทานยาไทรอยด์ Levothyroxine โครเมียมอาจลดการดูดซึมของยา Levothyroxine ได้ ดังนั้นควรรับประทานยาไทรอยด์ก่อนโครเมียม 30 นาที หรือ รับประทานยาไทรอยด์หลังโครเมียม 3-4 ชั่วโมง
• หลีกเลี่ยงรับประทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Piroxicam ร่วมกับโครเมียม เนื่องจากยาแก้ปวดเหล่านี้ทำใ้ห้ระดับโครเมียมในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆง่ายขึ้นได้

How to Choose / Use

• ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ขนาดที่ใช้ทั่วไป 200-1000 mg ต่อวัน