แมกนีเซียม (Magnesium) : มีประโยชน์ยังไง ใครบ้างเสี่ยงต่อการขาดแมกนีเซียม?
0.0
User Rating
( votes)
0
(0 reviews)
แมกนีเซียม (Magnesium)
Overview
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการขาดแมกนีเซียม ?
- ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง
- มีกระดูกบาง กระดูกพรุน
- เป็นโรคเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุมน้ำตาลไม่ดี ทำให้ร่างกายดูดซึมแมกนีเซียมได้ลดลง
- เป็นโรคความดันสูง
- เป็นโรคหลอดเลือดอุดตันต่างๆ หลอดเลือดสมอง
- เป็นโรคกระเพาะ หรือ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ทำให้การดูดซึมแมกนีเซียมไม่ดีเท่าคนทั่วไป
แมกนีเซียมมีในอาหารอะไรบ้าง ?
- สาหร่าย เช่น เคลป์ หรือ สาหร่ายคอมบุมีแมกนีเซียมสูงมาก
- ถั่วต่างๆ เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วบราซิล (Brazil nut) ถั่วลิสง ถั่วเหลือง เต้าหู้
- ข้าวกล้อง บาร์เล่ย์
- ผัก เช่น ผักโขม มะเขือเทศ กระเทียม หอมใหญ่
- ผลไม้ เช่น กล้วย อะโวคาโด อินทผลัม ลูกฟิก ลูกเกด
- กากน้ำตาล (blackstrap molasses)
- นม ชีส
Benefits
แมกนีเซียม มีประโยชน์อย่างไร ?
แมกนีเซียมสำคัญในการเจริญและเสริมสร้างกระดูก การทำงานของเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อ
แมกนีเซียมช่วยในภาวะต่างๆ ต่อไปนี้
- แมกนีเซียมต่ำ เช่น อาจเกิดในคนที่อาเจียน ท้องเสียมาก ทำให้เสียเกลือแร่แมกนีเซียมไปด้วย, เป็นโรคตับ, หัวใจล้มเหลว หรือ คนกลุ่มต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการขาดแมกนีเซียมที่กล่าวไปข้างต้น
- ท้องผูก แมกนีเซียมใช้เป็นยาระบาย เช่น MOM (Milk of Magnesia) ที่เป็นยาระบายแบบน้ำที่เราเห็นขายกันทั่วไป
- ลดกรดในกระเพาะอาหาร เช่น Alum milk ที่เรากินเวลาแสบท้อง (ประกอบด้วย Aluminium hydroxide และ Magnesium hydroxide ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ช่วยสะเทินกรดในกระเพาะ)
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ ที่มีความดันสูง หรือ ชักในขณะตั้งครรภ์ (pre-eclampsia, eclampsia) แมกนีเซียมใช้เป็นยารักษาป้องกันการชักในผู้ป่วยที่มีภาวะดังกล่าว
- เบาหวาน พบว่าคนที่กินแมกนีเซียมจากอาหารมากมีความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานน้อยกว่าคนที่กินน้อย บางงานวิจัยพบว่าอาจช่วยชะลอภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับปลายประสาทในเบาหวานชนิดที่1 และ ช่วยลดการดื้ออินซูลินในคนที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามการกินแมกนีเซียมเสริมในคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 แล้ว หลักฐานยังไม่ชัดเจนว่ามีประโยชน์หรือไม่
- ไขมันโลหิตสูง พบว่าแมกนีเซียมคลอไรด์ และ แมกนีเซียมออกไซด์อาจช่วยลดไขมันเลว (LDL cholesterol) ลงได้เล็กน้อย และ เพิ่มไขมันดี (HDL cholesterol) ลงได้เล็กน้อย และอาจช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในคนที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง
- ความดันโลหิตสูง พบว่าการกินแมกนีเซียมเสริม อาจช่วยลดความดันตัวล่าง (diastolic blood pressure) ลงได้เล็กน้อยประมาณ 2 มิลลิเมตรปรอท
- กระดูกบาง หรือ กระดูกพรุน การกินแมกนีเซียมเสริมอาจช่วยป้องกันการสลายกระดูกอย่างรวดเร็วในหญิงสูงอายุที่มีกระดูกพรุน
- ไมเกรน พบว่าการกินแมกนีเซียมเสริมอาจช่วยป้องกันการปวดไมเกรน และช่วยลดความรุนแรงของการปวดไมเกรนลงได้เล็กน้อย แต่บางงานวิจัยยังผลออกมาไม่ตรงกัน
Safety
- การกินแมกนีเซียมค่อนข้างปลอดภัย ในขนาดที่ไม่เกิน 350 mg ต่อวันในผู้ใหญ่
- อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
ใครที่ควรระวังในการกินแมกนีเซียมเสริม ?
- โรคไต เนื่องจากอาจมีปัญหาในการขับแมกนีเซียมออกทำให้แมกนีเซียมเกินได้ ไม่ควรทานแมกนีเซียมเสริมเองก่อนปรึกษาแพทย์
- โรคเลือดหยุดยากต่างๆ เนื่องจากแมกนีเซียมอาจทำให้เลือดหยุดยากขึ้นเล็กน้อย หากมีโรคประจำตัวดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน
- กินยาต่างๆต่อไปนี้
- ยาฆ่าเชื้อ กลุ่ม quinolone หรือ tetracycline เช่น norfloxacin, ciprofloxacin ที่ใช้ในโรคท้องเสีย หรือ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากแมกนีเซียมอาจลดการดูดซึมยาเหล่านี้ได้ ควรกินแมกนีเซียมหลังจากยาฆ่าเชื้อเหล่านี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือกินแมกนีเซียมก่อน 4-6 ชั่วโมง
- ยาโรคกระดูกพรุน (กลุ่ม bisphosphonates) เช่น Fosamax, Actonel เนื่องจากแมกนีเซียมอาจลดการดูดซึมยาเหล่านี้ได้ ควรกินแมกนีเซียมหลังจากยาเหล่านี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือกินแมกนีเซียมก่อน 4-6 ชั่วโมง
- ยาฆ่าเชื้อกลุ่ม aminoglycosides เนื่องจากยากลุ่มนี้มีผลต่อกล้ามเนื้อ การกินร่วมกับแมกนีเซียมที่มีผลต่อกล้ามเนื้อเช่นกัน อาจทำให้เกิดปัญหากับกล้ามเนื้อได้
- ยาคลายกล้ามเนื้อ การกินยาเหล่านี้ร่วมกับแมกนีเซียมอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงของยาคลายกล้ามเนื้อมากขึ้นได้
- ยาขับปัสสาวะ เนื่องจากยาขับปัสสาวะบางชนิด เช่น spironolactone, amiloride อาจทำให้แมกนีเซียมในร่างกายเพิ่มขึ้นจากปกติอยู่แล้ว
- ยาลดความดัน เนื่องจากแมกนีเซียมอาจลดความดันเล็กน้อย การกินร่วมกับยาลดความดันอาจทำให้ความดันต่ำเกินไปได้
How to Choose / Use
- สำหรับคนทั่วไป แมกนีเซียมที่ต้องการแต่ละวัน ดังตารางด้านล่าง
Daily Recommended Dietary Allowances (RDA) for elemental magnesium
กลุ่ม | อายุ | ชาย | หญิง |
คนทั่วไป | 19-30 ปี | 400 mg | 310 mg |
31 ปีขึ้นไป | 420 mg | 320 mg | |
หญิงตั้งครรภ์ | 14-18 ปี | 400 mg | |
19-30 ปี | 350 mg | ||
31-50 ปี | 360 mg | ||
หญิงให้นมบุตร | อายุ 14-18 ปี | 360 mg | |
อายุ 19-30 ปี | 310 mg | ||
อายุ 31-50 ปี | 320 mg |
- สำหรับโรคกระดูกบาง กระดูกพรุน ตามงานวิจัยต่างๆ มีการใช้ แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ ขนาด 300-1800 mg เป็นเวลา 6 เดือน