ไนอาซิน (วิตามินบี 3) : ประโยชน์ และ ข้อควรระวังในการใช้
0.0
User Rating
( votes)
0
(0 reviews)
วิตามินบี 3 / ไนอาซิน
vitamin B3 / niacin / nicotinic acid
Overview
วิตามินบี 3 เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ร่างกายเราสามารถสร้างได้เองจากกรดอะมิโนทริปโตเฟน ซึ่งพบในอาหารที่มีโปรตีนนั่นเอง
วิตามินบี 3 พบได้ในอะไรบ้าง ?
- ยีสต์
- เนื้อสัตว์ ปลา
- นม ไข่
- ผักใบเขียว
- ธัญพืชต่างๆ
อาการของการขาดวิตามินบี3 มีอะไรบ้าง ?
- แผลในปาก หรือ ผิวหนังอักเสบรอบๆปาก
- ผิวหนังอักเสบ ผื่น
- อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ท้องเสีย
- ซึมเศร้า สับสน นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ความจำเสื่อม
ใครบ้างที่เสี่ยงขาดวิตามินบี 3 ?
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- กินอาหารไม่เพียงพอ ไม่ค่อยกินอาหารพวกโปรตีน
- เป็นโรคมะเร็งบางชนิด
Benefits
ไนอาซิน และ โรคต่างๆ
ไนอาซิน อาจช่วยในภาวะต่างๆต่อไปนี้
- ภาวะขาดไนอาซิน
เช่น คนที่มีอาการผิวหนังอักเสบ ผื่นแพ้ ผิวลอก แตกและเลือดออก โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแดดมักเป็นก่อน ร่วมกับอาการแผลในปาก ท้องเสีย ความจำเสื่อม ซึ่งเรียกว่ากลุ่มอาการ pellagra ที่เกิดจากภาวะขาดวิตามินบี 3 การให้ไนอาซินเสริมสามารถทำให้ภาวะเหล่านี้ดีขึ้นได้ - คอเลสเตอรอลสูง
พบว่าไนอาซินอาจช่วยลดไขมันไม่ดี LDL cholesteral และ เพิ่มไขมันดี HDL cholesteral ได้ แต่อย่างไรก็ตามอาจทำให้ค่าโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ที่อาจบ่งถึงความเสี่ยงหลอดเลือดต่างๆเพิ่มขึ้นได้
Safety
- โดยทั่วไปการกินวิตามินบี3 ค่อนข้างปลอดภัย
- อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยในช่วงแรก เช่น ร้อนวูบวาบตามผิวหนัง ผิวแห้ง แดง ตามแขนขา และลำตัว ปวดศีรษะ ปวดท้อง อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้มักหายไปเองในเวลา 2-3 สัปดาห์ และ แอลกอฮอล์อาจทำให้อาการข้างเคียงเหล่านี้เป็นมากขึ้นได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแอลกอฮอล์ปริมาณมากขณะรับประทานวิตามินบี3 เสริม
- ไนอาซินขนาดสูง (เช่น เกิน 3 กรัมขึ้นไป) อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตับ แผลในกระเพาะอาหาร ระดับกรดยูริคในเลือดสูงขึ้น ระดับน้ำตาลสูงผิดปกติ การมองเห็นผิดปกติ หรือ หัวใจเต้นผิดจังหวะได้
- การรับประทานไนอาซินต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานได้
- ไม่ควรทานไนอาซินเดี่ยวๆโดยไม่มีวิตามินบีรวมตัวอื่นๆร่วม เนื่องจากอาจทำให้ค่าโฮโมซิสเทอีนที่อาจสัมพันธ์กับความเสี่ยงหลอดเลือดต่างๆเพิ่มขึ้นได้
ใคร ควรระมัดระวังในการกินไนอาซินเสริม ?
- ผู้ที่มีโรคต่อไปนี้ ควรระมัดระวังในการรับประทานไนอาซิน
- โรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
- ภูมิแพ้ เนื่องจากอาจทำให้สารก่อภูมิแพ้หลั่งมากขึ้นได้
- เบาหวาน เนื่องจากอาจทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นได้
- โรคถุงน้ำดี ไนอาซินอาจทำให้โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดีแย่ลงได้
- เก๊าท์ ไนอาซินขนาดสูงอาจทำให้เสี่ยงเป็นเก๊าท์มากขึ้นได้
- โรคไต เนื่องจากคนที่เป็นโรคไตการขับส่วนเกินออกอาจทำได้ไม่ดี ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย ก่อให้เกิดอันตรายได้
- โรคตับ ไนอาซินอาจทำให้เกิดอันตรายต่อตับได้ ไม่ควรใช้ขนาดสูงหากมีโรคตับอยู่
- แผลในกระเพาะอาหาร อาจทำให้แผลแย่ลงได้ ไม่ควรใช้ขนาดสูงหากมีแผลในกระเพาะอาหารอยู่
- ความดันต่ำ เนื่องจากไนอาซินอาจทำให้ความดันต่ำลงได้
- ไทรอยด์ต่ำ เนื่องจาก ไนอาซินอาจทำให้ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดต่ำลงได้
- ไขมันเกาะตามเส้นเอ็น (Xanthomas) เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อที่บริเวณที่มีไขมันเกาะตามเส้นเอ็นเหล่านี้ได้
ยาอะไร ที่ต้องระมัดระวังในการกินร่วมกัน ?
- ผู้ที่รับประทานยาหรือสารต่อไปนี้ ควรระมัดระวังในการใช้ไนอาซิน
- แอลกอฮอล์ เนื่องจากไนอาซินอาจทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบและคันตามผิวหนัง การกินไนอาซินร่วมด้วยอาจทำให้อาการเป็นมากขึ้น และยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำลายตับอีกด้วย
- ยาโรคที่ลดกรดยูริคในโรคเก๊าท์ Allopurinol ไนอาซินขนาดสูงอาจทำให้เก๊าท์เป็นมากขึ้น และอาจลดประสิทธิภาพของยาดังกล่าว
- ยาลดไขมันกลุ่ม statin เช่น simvastatin, atorvastatin (Lipitor), rosuvastatin (Crestor) เนื่องจากไนอาซินอาจมีผลต่อการสลายตัวของกล้ามเนื้อเช่นกัน การกินไนอาซินร่วมกับยาลดไขมันกลุ่มนี้อาจทำให้ความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อสลายตัวเพิ่มขึ้นได้
- ยาลดไขมันกลุ่ม resins เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายดูดซึมไนอาซินได้ลดลง ควรรับประทานห่างจากกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
How to Choose / Use
วิธีใช้วิตามินบี 3
- ภาวะขาดวิตามินบี 3
ใช้ขนาด 300-1000 mg ต่อวัน แบ่งทาน 2-3 มื้อ - คอเลสเตอรอลสูง
ผลของวิตามินบี3 ในการลดไขมันจะมากขึ้นตามขนาดที่สูงขึ้น มีการใช้เริ่มตั้งแต่ 50 mg เป็นต้นไป โดยพบว่าที่ช่วยเพิ่มไขมันดี HDL และ ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ อยู่ที่ประมาณ 1200-1500 mg ต่อวัน ส่วนขนาดที่พบว่าลดไขมันไม่ดี LDL คอเลสเตอรอล อยู่ที่ประมาณ 2000-3000 mg ต่อวัน - สำหรับคนทั่วไป ขนาดที่แนะนำต่อวัน เป็นดังนี้
อายุ | ปริมาณวิตามินบี3 ที่แนะนำต่อวัน (RDAs: Recommended Dietary Allowances) |
เด็กแรกเกิด 0-6 เดือน | 2 mg |
7-12 เดือน | 4 mg |
1-3 ปี | 6 mg |
4-8 ปี | 8 mg |
9-13 ปี | 12 mg |
14 ปีขึ้นไป (ชาย) | 16 mg |
14 ปีขึ้นไป (หญิง) | 14 mg |
ตั้งครรภ์ | 18 mg |
ให้นมบุตร | 17 mg |
**ควรปรึกษาแพทย์หากรับระทานวิตามินบี 3 เกินวันละ 100 mg ขึ้นไป**