เบาหวาน

เบาหวาน
User Rating 0 (0 votes)
Sending
0 (0 reviews)

เบาหวาน (Diabetes mellitus)

dis2


Overview

เบาหวาน คืออะไร ?

คือ การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ โดยทั่วไป ระดับที่ถือว่าผิดปกติ คือตามนี้ครับ

  • ระดับน้ำตาลเมื่ออดอาหาร 8 ชั่วโมง เกิน 110 mg/dL ให้เฝ้าระวังเป็นเบาหวาน ทางการแพทย์เรียกว่า “ภาวะก่อนเป็นเบาหวาน” ควรเริ่มหลีกเลี่ยงอาหารหวาน ออกกำลังกาย เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเบาหวานต่อไปฮะ เรียกได้ว่าถ้าไม่ปรับเปลี่ยนตั้งแต่ตอนนี้ เบาหวานมาแน่ฮะ
  •  ระดับน้ำตาลเมื่ออดอาหาร 8 ชั่วโมง เกิน 126 mg/dL ถือว่าเป็นเบาหวาน เรียบร้อยแล้วฮะ

ความจริงร่างกายเราก็ไม่ได้มีจุดตัดชัดเจนไปหรอกฮะ ว่าน้ำตาล 125 ฉันยังไม่เป็นไร กินแบบเดิมได้สบายใจเฉิบ พอถึง 126 เมื่อไร ตายล่ะหวา ต้องรีบเลิกของหวาน จริงๆแล้วถ้าระดับน้ำตาลในเลือดเริ่มแสดงให้เห็นว่าผิดปกติอย่างที่ว่าทั้ง 2 ค่าด้านบน ตับอ่อนของเราก็เริ่มเสื่อมไปเยอะแล้วล่ะฮะ

ดังนั้นเรื่องพวกนี้ยิ่งปรับเปลี่ยนตัวเองเร็วยิ่งดี ผมจึงอยากให้จำง่ายๆละกันฮะว่า ถ้าระดับน้ำตาลขณะอดอาหารมาแล้ว 8 ชม. เริ่มเกิน 100 เพื่อนๆต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ เริ่มดูแลร่างกายเราได้แล้วฮะ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การออกกำลังกายอะไรก็ตามแต่


มีอาการอย่างไร ?

ถ้าเริ่มมีอาการเหล่านี้ ให้ลองไปตรวจเช็คเลือดดูบ้างนะฮะ

  • หิวน้ำบ่อย
  • ปัสสาวะบ่อย
  • กินจุ
  • น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
  • เวียนศีรษะ

ทำไมเราต้องกลัวเป็นเบาหวาน ?

  • ผลที่เกิดทันที เช่น น้ำตาลในเลือดสูงมากจนคลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ เหนื่อยหอบ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • ผลระยะยาว คือ เป็นโรคหลอดเลือดต่างๆที่ตามมา เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบ/แตก อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตเรื้อรัง ตาบอด แผล เบาหวาน เรื้อรังไม่หายจนต้องตัดขา ปลายประสาทเสื่อมทำให้ชาหรือปวดปลายมือปลายเท้า

สาเหตุของเบาหวาน คืออะไร ?

เบาหวานมี 2 ชนิด แต่ที่พบโดยทั่วไปส่วนใหญ่ที่เราเห็นๆกัน คือ มักเป็นตอนอายุมาก เรียกว่าเบาหวานชนิดที่ 2 สาเหตุหลักคือ

  • เซลล์ร่างกายไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน
  • ตับอ่อนทำงานผิดปกติ
  • พันธุกรรม
  • พฤติกรรมการกิน
  • ไม่ออกกำลังกาย

ส่วนอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า เบาหวานชนิดที่ 1 มักเป็นตั้งแต่เด็ก หรืออายุน้อยๆ โดยมีสาเหตุคือ ตับอ่อนทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากมีภูมิคุ้มกันมาทำลายเซลล์ตัวเอง ทำให้ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้


เบาหวานชนิดที่ 2 ที่เป็นกันส่วนใหญ่นี้ มีกลไกการเกิดอย่างไร ?

  • เซลล์ร่างกายไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน
  • ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้
  • ดังนั้นจึงเหลือน้ำตาลในเลือดมาก
  • น้ำตาลที่มากนี้ทำให้หลอดเลือดเสื่อม ทั้งที่ สมอง หัวใจ ตา ไต ขา
  • นานๆเข้า เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ/แตก, หลอดเลือดหัวใจตีบ, เบาหวาน ขึ้นตา, โรคไตวายเรื้อรัง, แผล เบาหวานเรื้อรัง

เบาหวานเป็นแล้ว จะเป็นไปตลอดไหม ?

ส่วนใหญ่เป็นไปตลอด แต่สามารถควบคุมให้ดี มีคุณภาพชีวิตดีได้ ไม่พัฒนาไปโรคแทรกซ้อนข้างต้น ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตาม My Action ด้านล่างนี้เลยครับ นอกจากนี้่ควรพบแพทย์ ตรวจรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ด้วยนะฮะ


My Action

√ ทำได้ทุกข้อตามนี้ สามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ถึง10 – 60 mg/dLเลยครับ

1. การกิน

  • เลี่ยงของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำชากาแฟขวดที่ขายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ หรือ รถเข็นผลไม้หวานจัด เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก แตงโม เงาะ ลำไย ขนุน แนะนำให้กินฝรั่ง แอปเปิ้ล
  • แลกเปลี่ยน ถ้าอยากกินขนม ให้ลดข้าวที่กินแทน
  • เน้นผัก ธัญพืช กากใยสูง
  • เน้นปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกอย่างน้อย 2 มื้อต่อสัปดาห์ เช่น แซลมอน
  • เลี่ยงไขมันทรานส์ เช่น เนยเทียม ครีมเทียม เค้ก คุกกี้ มันฝรั่งทอด
  • เลือกอาหารที่สดใหม่ ไม่ผ่านการแปรรูปหลายขั้นตอน เช่น เลือกผักสด แทนผักดอง กินข้าวกล้อง แทน ก๋วยเตี๋ยวหรือ มาม่า

เนื่องจากอาหารมีส่วนสำคัญมากๆในโรค เบาหวาน จึงเขียนรายละเอียดไว้เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ตั้งใจดูแลตัวเองตามนี้เลยครับ

น้ำ

เน้น น้ำเปล่า ชาจีน ชาเขียว (ที่ไม่ใส่น้ำตาล)
เลี่ยง น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำขวดชา กาแฟ (มักมีน้ำตาลปริมาณมาก) น้ำผลไม้ (หากกินควรกินผลไม้เป็นลูก เนื่องจากได้กากใย ลดการดูดซึมน้ำตาล)

ข้าว

เน้น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง บาร์เล่ย์
เลี่ยง ข้าวเหนียว ข้าวขาว ก๋วยเตี๋ยว เส้นใหญ่ เส้นเล็ก

กับข้าว

เน้น ปลาทะเลน้ำลึก อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 มื้อ โดยการต้ม หรือ นึ่ง
เลี่ยง การทอด การผัดที่น้ำมันมากๆ

ผัก

ส่วนใหญ่กินได้ ไม่มีปัญหาครับ

ผลไม้

เน้น ฝรั่ง แอปเปิ้ล
เลี่ยง ทุเรียน ลิ้นจี่ เงาะ ลำไย กล้วย

ขนม

เลี่ยงทั้งหมด ขนมหวาน ขนมครก ลอยแก้ว ลอดช่อง ไอศกรีม เค้ก คุ้กกี้


2. การออกกำลังกาย

เดินเร็ว หรือ วิ่ง 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 5 วัน

(อาจออกกำลังกายแอโรบิคอื่นแทนได้ เช่น ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค)


3. การนอน

นอนวันละ 6-8 ชั่วโมง โดยควรนอนก่อน 5 ทุ่ม ปิดไฟให้มืดสนิท


4. การผ่อนคลาย

นั่งสมาธิ หรือ โยคะ อย่างน้อย 5 นาที ต่อวัน ช่วยลดฮอร์โมนเครียด ซึ่งมีผลให้ควบคุมน้ำตาลได้ดีขึ้นครับ


อย่าลืมนะครับ เบาหวาน เป็นสิ่งที่ช่วยมาเตือนเราว่า เรายังใช้ชีวิตไม่ถูกต้อง ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้ชีวิตที่ถูกทาง ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจดีขึ้นแน่นอนครับ ผมการันตีเลยครับ :)


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

Sending