วิตามินดี (Vitamin D) : มีประโยชน์อย่างไร ? ใครควรได้รับวิตามินดีเสริมบ้าง ?
วิตามินดี (Vitamin D)
Vitamin D2 (Ergocalciferol) –> รูปที่ได้จากอาหารทั่วไป
Vitamin D3 (Cholecalciferol) –> รูปที่ได้จากแสงแดด
Overview
วิตามินดี เป็นวิตามินละลายในไขมัน พบในอาหาร เช่น ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาทูนา ปลาซาร์ดีน นอกจากนี้ยังมีการใส่ไปในนม ซีเรียล ที่ระบุว่าเสริมวิตามินดี (fortified products) แต่ส่วนมาก 80-90% ของวิตามินดีในร่างกายเราได้รับมาจากการสังเคราะห์ทางผิวหนังจากแสงแดด แม้ว่าประเทศไทยจะได้รับแสงแดดมาก แต่คนบางกลุ่มมีโอกาสขาดวิตามินดีได้
ใครเสี่ยงขาดวิตามินดีบ้าง ?
- คนที่ทำงานในร่มตลอดเวลา เช่น พนักงานออฟฟิศ
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- ผู้สูงอายุโดยเฉพาะอายุมากกว่า 65 ปี มีโอกาสขาดวิตามินดี เนื่องจาก อาจมีโอกาสอยู่กลางแดดน้อยลง การรับประทานอาหาร ตัวรับบริเวณผิวหนัง หรือ ประสิทธิภาพของร่างกายในการดูดซึมวิตามินดีทำได้น้อยลง
Benefits
วิตามินดีมีประโยชน์อย่างไร ?
วิตามินดี ช่วยในการรักษาสมดุลของ แคลเซียม และ ฟอสฟอรัสในร่างกาย
ปัจจุบันพบว่า นอกจากเป็นวิตามินแล้ว วิตามินดียังเป็นฮอร์โมนอีกด้วย ซึ่งช่วยในการทำงานของอวัยวะต่างๆของร่างกาย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังที่พบบ่อยๆเช่นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันสูง
วิตามินดี & โรคต่างๆ
วิตามินดีมีประโยชน์กับโรคต่างๆต่อไปนี้
ประโยชน์ในการรักษา
- โรคขาดวิตามินดี
- โรคริคเก็ตส์ (Ricket disease)
- โรคกระดูกอ่อนตัว (Osteomalacia)
- โรคสะเก็ดเงิน โดยพบว่าการทาครีมวิตามินดี ร่วมกับสเตอรอยด์ ได้ผลดีกว่าการทาวิตามินดี หรือ ทาสเตอรอยด์เพียงอย่างเดียว
- ผู้ป่วยที่มีระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ เช่น ภาวะแคลเซียมต่ำจากฮอร์โมนพาราไทรอยด์ต่ำ
- ผู้ป่วยที่มีระดับฟอสฟอรัส ในเลือดต่ำ เช่น ผู้ที่เป็นโรคฟอสฟอรัสต่ำจากพันธุกรรม
ประโยชน์ในการเสริมสุขภาพ
- โรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ (Osteoporosis) การรับประทานวิตามินดี ในฟอร์ม Vitamin D3 (Cholecalciferol) อาจช่วยป้องกันภาวะมวลกระดูกลดลง และ กระดูกหักได้
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตอรอยด์เป็นเวลานาน
- อาจช่วยป้องกันมวลกระดูกลดลง หรือ อาจเพิ่มมวลกระดูก ในผู้ที่มวลกระดูกลดลงจากสเตอรอยด์ได้
- เบาหวาน พบว่าในกลุ่มผู้ที่วิตามินดีต่ำ มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (เบาหวานที่พบทั่วไปในผู้ใหญ่) มากกว่ากลุ่มที่มีระดับวิตามินดีสูง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการศึกษาชัดเจนว่า การกินวิตามินดีเสริมสามารถป้องกัน หรือ รักษาโรคเบาหวานได้หรือไม่
- ความดันโลหิตสูง พบว่าผู้ที่ระดับวิตามินดีต่ำ มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงมากกว่า อย่างไรก็ตาม การกินวิตามินดีเสริมสามารถลดความดันได้หรือไม่นั้น งานวิจัยหลายชิ้นยังไม่สรุปผลออกมาตรงกัน มีเพียงบางชิ้นที่บอกว่าสามารถลดความดันโลหิตลงได้
- ไขมันโลหิตสูง (High cholesterol) พบว่าผู้ที่ระดับวิตามินดีต่ำ มีความสัมพันธ์กับการเป็นคอเลสเตอรอลสูงมากกว่า บางงานวิจัยพบว่า การกินวิตามินดี ร่วมกับแคลเซียมเสริม และอาหารแคลอรีต่ำ สามารถเพิ่มไขมันชนิดดี HDL cholesterol ได้อย่างมีนัยสำคัญ และลดไขมันชนิดไม่ดี LDL cholesterol ในผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ได้ อย่างไรก็ตามหากไม่ได้ควบคุมอาหารร่วมด้วย พบว่าไม่สามารถลด LDL cholesterol ได้ ส่วนบางงานวิจัยกล่าวว่าการกินวิตามินดีเสริมอาจเพิ่ม LDL cholesterol และไม่มีผลกับการเพิ่มไขมันชนิดดี หรือ ลดไขมันชนิดไม่ดีอื่นๆได้
- โรคหอบหืด (Asthma) บางงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยโรคหอบหืดมักมีระดับวิตามินดีต่ำ มีงานวิจัยในเด็กพบว่าการกินวิตามินดีเสริม อาจช่วยลดโอกาสการเกิดอาการหอบหืดได้ ในช่วงอากาศเย็น หรือ ช่วงที่เป็นหวัด
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) บางงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมักมีระดับวิตามินดีต่ำ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการกินวิตามินดีเสริมสามารถช่วยลดอาการหอบเหนื่อยได้หรือไม่
โดยในบางภาวะเหล่านี้ยังต้องการการศึกษาต่อไปครับ
Safety
โดยทั่วไปวิตามินดีปลอดภัย และ ผลข้างเคียงพบได้น้อย เมื่อกินไม่เกินขนาดที่แนะนำ หากกินเกินปริมาณที่แนะนำอาจมีอาการอ่อนเพลีย อ่อนแรง ง่วงนอน ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปากแห้ง ปากขม คลื่นไส้ อาเจียน
การกินวิตามินดีเป็นเวลานานในขนาดสูงกว่า 4000 units (IU) ต่อวัน อาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจทำให้แคลเซียมในเลือดสูงเกินปกติ อย่างไรก็ตาม วิตามินดีขนาดสูงในระยะสั้นๆ อาจมีที่ใช้ในโรคขาดวิตามินดีโดยความดูแลของแพทย์
การรับประทานวิตามินเสริมมีข้อควรระวังในบุคคลต่อไปนี้
- โรคไต อาจเพิ่มระดับแคลเซียมในเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้หลอดเลือดแข็งตัวได้ อาจต้องพิจารณาความเสี่ยงนี้กับ ข้อดีในการป้องกันโรคกระดูกเสื่อมที่อาจเกิดจากโรคไต เนื่องจาก โรคไตทำให้เสียแคลเซียมและฟอสเฟตมากกว่าปกติได้ โดยต้องติดตามระดับแคลเซียมในผู้ป่วยโรคไตเป็นระยะๆ
- ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูงอยู่แล้ว เช่น โรคมะเร็งบางชนิด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง วัณโรค โรคติดเชื้อ (Sarcoidosis) ผู้ที่มีภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ (Hyperparathyroidis) เนื่องจากวิตามินดีทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้นได้
- โรคหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) การรับประทานวิตามินดีเสริม อาจทำให้ภาวะนี้เป็นมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตร่วมด้วย
- ผู้ที่กินยา เช่น ยาโรคหัวใจ Digoxin, Diltazem, Verapamil เนื่องจากแคลเซียมเกี่ยวเนื่องกับการทำงานของหัวใจ, ยาขับปัสสาวะกลุ่มThiazide เนื่องจากยากลุ่มนี้บางตัว เช่น Hydrochlorothiazide ทำให้ปริมาณแคลเซียมในร่างกายเพิ่มขึ้นเช่นกัน , ยาที่มีส่วนประกอบ Aluminium เนื่องจากวิตามินดีทำให้ดูดซึมอลูมิเนียมมากขึ้นกว่าปกติได้
How to Choose / Use
ใช้วิตามินดีขนาดเท่าไร ?
- ป้องกันกระดูกพรุน หรือ กระดูกหัก ใช้ 400-1,000 IU ต่อวันสำหรับผู้สูงอายุ ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำให้บริโภค 1,000-2,000 IU ต่อวัน
- อาการปวดกล้ามเนื้อในผู้ที่กินยาลดไขมัน statin ใช้ วิตามิน D2 (Ergocalciferol) หรือ วิตามิน D3 (Cholecalciferol) 400 IU ต่อวัน