‘ลูกเดือย’ กับ ‘ข้าวบาร์เล่ย์’ ต่างกันยังไง ?

สวัสดีคร้าบ ไม่รู้มีใครเหมือนผมไหมฮะว่าตอนเด็กๆเคยคิดว่า ลูกเดือย กับ ข้าวบาร์เล่ย์ คือสิ่งเดียวกันแค่คนละพันธุ์เฉยๆ คือผมเป็นคนชอบข้าวบาร์เล่ย์มากฮะ มันหนึบๆดึ๊บๆดี แต่ไม่ค่อยชอบลูกเดือยเท่าไรเพราะนอกจากจะไม่ค่อยหนึบแล้วยังชอบมีอะไรแข็งๆตรงกลางอีกด้วย กินแล้วรู้สึกเหมือนมีเม็ดที่ต้องคายออก ฮ่าๆ ตอนเด็กๆผมจะเรียกทั้ง2อย่างว่าลูกเดือยหมดเลย จนกระทั่งวันนึงไปสั่งร้านน้ำเต้าหู้รถเข็นบอกเอาเครื่องเป็นลูกเดือย คุณลุงขายน้ำเต้าหู้รีบบอกว่ามีแต่บาร์เล่ย์ ผมก็เลยบอกว่าเอาอันนี้แหละๆ (ผมแล้วก็ชี้ๆไปที่บาร์เล่ย์) ก็เลยเพิ่งจะมารู้ว่าอ๋อมันคนละอันกัน แล้วก็คิดสรุปเอาว่ามันคงพันธุ์ใกล้ๆกันหน้าตาเลยดูคล้ายๆกันขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คุณลุงขายน้ำเต้าหู้ ผมคงคิดว่าอ๋อมันเหมือนๆกันแหละอยู่นั่นเอง

ต่อมาก็เลยสงสัยว่าเอ๊ะทำไมศาสตร์จีนบอกลูกเดือยคือดี มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงกำลังต่างๆนานา อยู่ในตำรับยาจีนตั้งหลายตำรับ ทำไมฝรั่งสายสุขภาพบางสายบอกบาร์เล่ย์กลูเตนเยอะไม่ดีนะ ส่วนตัวผมเองเวลากินบาร์เล่ย์เยอะๆก็รู้สึกจะท้องผูก คิดว่าความหนึบของมัน (ซึ่งก็คือกลูเตน) จะทำให้อึผมหนึบไปด้วย มันเลยออกมายากหน่อยล่ะมั้ง

ข้าวบาร์เลย์ มีกลูเตน 

จนวันหนึ่งถึงได้มารู้ว่าทั้งลูกเดือย และ บาร์เล่ย์มันไม่ใช่สายพันธุ์ใกล้เคียงกันเลย ลูกเดือย หรือเรียกภาษาอังกฤษว่า Job’s tear หรือ Chinese pearl barley (ซึ่งจริงๆไม่ได้เกี่ยวกับบาร์เล่ย์เลย แค่หน้าตาคล้าย และมักปลูกกินกันแถบบ้านเราหรือประเทศจีน) ส่วนข้าวบาร์เล่ย์ก็คือ Barley ถ้าใครไม่คุ้นเคยกับบาร์เล่ย์ต้องถามว่าเคยกินไมโล โอวัลตินไหม บาร์เล่ย์นี่แหละคือส่วนประกอบหลักอันนึงของไมโลโอวัลติน รวมไปถึงฮอร์ลิค เครื่องดื่มมอลท์สกัดด้วยนะฮะ ซึ่งความต่างที่ผมจะบอกวันนี้ก็คือ ข้าวบาร์เล่ย์มีกลูเตน เลยทำให้หนึบๆ ใครไม่ถูกกับกลูเตนก็เลี่ยงข้าวบาร์เล่ย์นะฮะ

ลูกเดือย ไม่มีกลูเตน และเป็นยาบำรุงจีน

ส่วนลูกเดือยนั้นไม่มีกลูเตนแถมยังเป็นยาจีนอีกด้วย ในศาสตร์จีนเขาว่า ลูกเดือยเป็นอาหารบำรุงกำลัง บำรุงม้ามกระเพาะ มีฤทธิ์เย็น ดับร้อน ต้านมะเร็ง แก้ปวดตามข้อ ดังนั้นคนที่มีปัญหากับกลูเตนสามารถลองกินลูกเดือยแทนข้าวบาร์เล่ย์ได้เด้ออออ

หวังว่าเพื่อนๆจะเลือกกินกันได้อย่างเข้าใจมากขึ้นนะฮะ  แล้วเจอกันฮับบบ :))