น้ำมันปลา (Fish Oil, Omega-3)

น้ำมันปลา (Fish Oil)
Omega 3 fatty acids
EPA (eicosapentaenoic acid) / DHA (docosahexaenoic acid)
(คนละอันกับน้ำมันตับปลานะครับ)

น้ำมันปลา ดีอย่างไร


Overview

น้ำมันปลา เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่ง (Omega 3 fatty acid) ที่จำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ประกอบด้วย EPA และ DHA ซึ่งพบในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูนา แซลมอน ฮาลีบัท โดยทั่วไปในเนื้อปลา 100 g (3.5ออนซ์) จะมี กรดไขมันโอเมก้า 3 ประมาณ 1 กรัม


Benefits

น้ำมันปลา มีฤทธิ์ลดการอักเสบ และช่วยป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัวง่าย การศึกษาปัจจุบันพบว่าน้ำมันปลามีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันโลหิตสูง


น้ำมันปลา & โรคต่างๆ

น้ำมันปลามีประโยชน์กับโรคต่างๆดังนี้

  • ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง (High triglyceride) งานวิจัยพบว่า การบริโภคน้ำมันปลา สามารถลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งป้องกัน และ ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ความดันโลหิตสูง งานวิจัยพบว่าสามารถลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย
  • โรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (Age-related macular degeneration)
  • โรคหอบหืด บางงานวิจัยพบว่า การกินน้ำมันปลาช่วยให้อาการดีขึ้น ลดการใช้ยาในเด็กที่เป็นหอบหืดได้
  • ปวดท้องประจำเดือน พบว่าการกินน้ำมันปลาอย่างเดียว หรือ กินคู่กับวิตามินบี 12 สามารถลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้
  • โรคสมาธิสั้นในเด็ก งานวิจัยพบว่าสามารถทำให้เด็กมีสมาธิจดจ่อ และพฤติกรรมดีขึ้น

Safety

น้ำมันปลาโดยทั่วไปปลอดภัย อย่างไรก็ตามหากบริโภคน้ำมันปลาขนาดสูงเกินวันละ 3 กรัมขึ้นไปอาจทำให้เลือดแข็งตัวยากมากขึ้น หรือ ภูมิคุ้มกันลดลงได้ หากมีโรคประจำตัวหรือจำเป็นต้องรับประทานขนาดสูงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานครับ

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น หายใจมีกลิ่น จุกแน่น คลื่นไส้ ถ่ายเหลว ผื่น หรือเลือดกำเดาไหล อย่างไรก็ตาม การรับประทานพร้อมอาหาร สามารถลดอาการข้างเคียงเหล่านี้ลงได้

การรับประทานปลาบางชนิด เช่น ฉลาม ปลาแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยง ปลาคิงแมคเคอเรล ปริมาณมากๆ ซ้ำๆ เพื่อหวังผลประโยชน์จากน้ำมันปลา อาจทำให้เกิดการสะสมของสารปรอท หรือสารเคมี แต่น้ำมันปลาอาหารเสริมทั่วไปไม่พบว่ามีสารเหล่านี้เกินเกณฑ์กำหนด


How To Choose / Use

  • เลือกน้ำมันปลาที่มีขนาดอย่างน้อย 1000 mg ของ EPA + DHA (โดยมากมักเขียนว่า 1000 mg of Omega แต่จริงๆแล้วขนาด EPA และ DHA ไม่ถึง 1000 mg เนื่องจากอาจผสมกรดไขมัน PUFAs (Polyunsaturated fatty acids) อื่นๆเข้าไปด้วยครับ)

 

น้ำมันปลา (Fish Oil, Omega-3)
User Rating 0 (0 votes)
Sending
0 (0 reviews)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

Sending