ชาเขียว (Green Tea)
ชาเขียว (Green Tea)
Overview
ชาเขียวทำมาจากพืชชนิดหนึ่ง คือ Camellia sinensis ซึ่งพืชชนิดนี้ใช้ทำชาอีกหลายชนิด กระบวนการผลิตชาเขียวคือ การนำยอดอ่อน หรือใบของพืชชนิดนี้มาอบ คั่วด้วยความร้อน และทำให้แห้ง โดยไม่ผ่านการหมัก เพื่อให้สารที่มีประโยชน์ยังคงอยู่ โดยหากนำพืชชนิดเดียวกันนี้มาผ่านการหมักเพียงบางส่วน จะเรียกว่า ชาอู่หลง หากนำมาหมักจนเต็มที่จะเรียกว่า ชาดำ
ปกติชาเขียวนำมาใช้ดื่มเพื่อให้ตื่นตัว ไม่ง่วง ชาเขียวพบว่าอาจมีประโยชน์ต่อร่างกายเกือบทุกระบบ เช่น
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ
- ระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน ซึมเศร้า ปวดศีรษะ
- ระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะ ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ ไขมันเกาะตับ (ที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์)
- การติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด เชื้อไวรัส HPV (สาเหตุหนึ่งของมะเร็งปากมดลูก)
- มะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งผิวหนัง
- ลดน้ำหนัก
Benefits
ชาเขียวช่วยอย่างไร ?
- ส่วนที่มีประโยชน์ของชาเขียวคือ ยอดอ่อน ใบ และ ก้าน
- สารโพลีฟีนอลชนิดหนึ่งที่ชื่อ คาเทชิน (Catechins) ในชาเขียวช่วยในการป้องกันการอักเสบ ลดบวม ช่วยปกป้องกระดูกอ่อน ที่เป็นตัวรองรับแรงกระแทกระหว่างกระดูก และ ลดการเกิดข้อเสื่อม นอกจากนี้พบว่ายังสามารถช่วยต้านไวรัส HPV สาเหตุที่อาจทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย
- ชาเขียวยังมีสารคาเฟอีน ปริมาณ 2-4 % ที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว ขับปัสสาวะ และ ช่วยให้สารสื่อประสาทในสมองทำงานได้ดีขึ้น
- สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆในชาเขียว ยังอาจช่วยปกป้องหัวใจและหลอดเลือด
ชาเขียว & โรคต่างๆ
ชาเขียวอาจมีประโยชน์ในโรคต่างๆดังต่อไปนี้
- ไขมันโลหิตสูง พบว่าผู้ที่รับประทานชาเขียวมาก จะมีระดับไขมันไม่ดี (LDL cholesterol) และไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) น้อย และไขมันชนิดดี (HDL cholesterol) มากกว่าคนทั่วไป
- ความดันโลหิตสูง การศึกษาส่วนใหญ่พบว่า การดื่มชาเขียววันละ 3 ครั้งเป็นเวลา 1 เดือน หรือ การกินอาหารเสริมชาเขียว เป็นเวลา 3 เดือน สามารถลดความดันในผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงได้
- โรคหลอดเลือดหัวใจ พบว่าผู้ที่ดื่มชาเขียวเป็นประจำ ลดโอกาสในการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ
- กระดูกพรุน พบว่าการดื่มชาเขียวเป็นเวลา 10 ปี ทำให้ความหนาแน่นกระดูกมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่า ในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีความหนาแน่นกระดูกน้อย การกินสารสกัดชาเขียวที่ประกอบด้วยคาเทชิน 500 mg วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน ช่วยให้ความหนาแน่นกระดูกมากขึ้นได้
- มะเร็งเยื่อบุมดลูก พบว่าผู้ที่ดื่มชาเขียวเป็นประจำมีโอกาสเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูกน้อยกว่าคนทั่วไป
- เซลล์ปากมดลูกเจริญผิดปกติ (Cervical dysplasia) พบว่าการกินชาเขียว หรือ ทาชาเขียวบริเวณที่เป็น สามารถช่วยลดจำนวนเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูกที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ได้
- ความดันโลหิตต่ำ การดื่มชาเขียวสามารถช่วยเพิ่มความดันโลหิตได้ ในผู้สูงอายุที่มีอาการความดันต่ำหลังรับประทานอาหาร
- มะเร็งรังไข่ หญิงที่ดื่มชาเป็นประจำ ทั้งชาเขียว และชาดำ มีโอกาสในการเป็นมะเร็งรังไข่น้อยกว่าคนทั่วไป
- โรคพาร์กินสัน การดื่มชาเขียว 1-4 แก้วต่อวันช่วยในการป้องการการเกิดโรคพาร์กินสัน
- หูดที่อวัยวะเพศ พบว่าชาเขียวสกัดในรูปยาทา องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)ได้รับรองในการใช้รักษาหูดที่อวัยวะเพศ โดยทาบริเวณที่เป็น เป็นเวลา 2 เืดือนครึ่ง ถึง 4 เดือน สามารถทำให้หูดหายได้ 24-60%
Safety
โดยทั่วไปชาเขียวค่อนข้างปลอดภัยเมื่อใช้กิน ดื่ม หรือ ทา ในขนาดที่เหมาะสม
การกินขนาดสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงของคาเฟอีน เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เสียงในหู ชัก หรือ มีอาการสับสน
นอกจากนี้ชาเขียวอาจทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารได้ลดลง
ภาวะต่อไปนี้ควรกินชาเขียวอย่างระมัดระวัง
- โลหิตจาง เนื่องจากชาเขียวอาจทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ลดลง อาจทำให้โลหิตจางเป็นมากขึ้นได้
- โรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เนื่องจากคาเฟอีน อาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลงได้
- โรควิตกกังวล คาเฟอีนอาจทำให้อาการวิตกกังวลเป็นมากขึ้นได้
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ คาเฟอีนอาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติได้
- เบาหวาน คาเฟอีนอาจมีผลต่อระดับน้ำตาล จึงควรตรวจระดับน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ
- ท้องเสีย คาเฟอีนอาจทำให้ท้องเสียเป็นมากขึ้นได้
- โรคตับ การกินชาเขียวขนาดสูงอาจทำให้โรคตับเป็นมากขึ้นได้
- รับประทานยาต่างๆ เช่น
- ยาละลายลิ่มเลือด Aspirin, Warfarin
- ยาคุมกำเนิด เนื่องจากยาคุมอาจทำให้ร่างกายสลายคาเฟอีนได้ช้าลง อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ ได้ง่ายขึ้น
- ยาที่ใช้ในโรคซึมเศร้า เนื่องจากมีฤทธิ์กระตุ้นร่างกายเช่นเดียวกัน
- ยาที่มีผลต่อตับ เช่น พาราเซตามอล ยาลดไขมัน ยากันชัก ยาฆ่าเชื้อรา ยารักษาวัณโรค
How to Choose / Use
การกิน หรือ ดื่มชาเขียว
- ไขมันโลหิตสูง ชาเขียว หรือ สารสกัดชาเขียวที่ประกอบด้วยสารคาเทชิน 150-2500 mg โดยกิน 1 มื้อ หรือแบ่งเป็น 2 มื้อต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน
- เซลล์ปากมดลูกเจริญผิดปกติ กินชาเขียวสกัด 200 mg ร่วมกับการทาครีมชาเขียวบริเวณที่เป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2-3 เดือน
- ความดันโลหิตสูง ดื่มชาเขียวโดยผสมผงชาเขียว 3 กรัม ในน้ำ 150 ml ดื่ม 2 ชั่วโมงหลังอาหาร วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 1 เดือน
- ความดันโลหิตต่ำ ดื่มชาเขียว 400 ml ก่อนอาหารกลางวัน
- กระดูกพรุน กินชาเขียวที่ประกอบด้วยสารโพลีฟีนอล 500 mg วันละ 2 ครั้ง หรืออาจร่วมกับการทำไท้เก๊กเป็นเวลา 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน
การทาครีมชาเขียว
- หูดบริเวณอวัยวะเพศ การทาครีมสารสกัดชาเขียว วันละ 3 ครั้งบริเวณที่เป็น เป็นเวลา 4 เดือน
- เซลล์ปากมดลูกเจริญผิดปกติ ใช้ครีมชาเขียวสกัดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทาบริเวณที่เป็นเพียงอย่างเดียว หรืออาจร่วมกับการกินชาเขียวสกัด 200 mg เป็นเวลา 2-3 เดือน